เพราะขัดแย้งกับ ปธน. กรณีสั่งปลดผู้บัญชาการกองทัพ แต่ ปธน.กลับสั่งให้ดำรงตำแหน่งต่อไป โดยการลาออกของนายกฯ ส่งผลให้รัฐบาลผสมล่มทันที ต้องประชุมฉุกเฉินตั้งรัฐบาลใหม่..

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันนี้ (5 พ.ค.) ว่า การเมืองเนปาลถลำลึกเข้าใกล้จุดวิกฤติอีกรอบ หลังนายกรัฐมนตรีภูชปา คามาล ดาฮาล หรือ "ประจันดา" อดีตผู้นำกบฏคอมมิวนิสต์และผู้นำพรรค "เหมาอิสต์" แกนนำรัฐบาลลาออก เพราะขัดแย้งกับประธานาธิบดีราม ภารัน ยาเดฟ กรณีที่นายประจันดา สั่งปลด พล.อ.รูคมังกุด คาตาวัล ผู้บัญชาการกองทัพ แต่นายยาเดฟ กลับสั่งให้ดำรงตำแหน่งต่อไป โดยการลาออกของนายประจันดา ส่งผลให้รัฐบาลผสมล่มทันที

พรรคเหมาอิสต์ รวมทั้งองค์กร "สันนิบาติยุวคอมมิวนิสต์" ของพรรคฯ ประกาศจะนำประชาชนนับหมื่นคนออกมาเดินขบวนประท้วงตามท้องถนนกรุงกาฐมาณฑุ และโอบล้อมรัฐสภา จนกว่านายยาเดฟ จะพลิกคำสั่งปลด พล.อ.คาตาวัล และยอมขอโทษ ส่วนพรรคการเมืองต่างๆ ของเนปาลเปิดประชุมฉุกเฉินเพื่อหาทางตั้งรัฐบาลใหม่ โดยพรรคเนปาลี คองเกรส ของนายยาเดฟ และพรรคคอมมิวนิสต์แห่งเนปาล (ยูไนเต็ด มาร์กซิสม์ เลนินนิสต์) พรรคใหญ่อันดับ 2 และ 3 รองจากพรรคเหมาอิสต์ มีท่าทีจะจับขั้วกันแต่ยังต้องดึงพรรคเล็กอื่นๆ เข้าร่วมด้วยจึงจะมีเสียงพอตั้งรัฐบาลใหม่ได้

ขณะท่ีตำรวจหลายร้อยนายตรึงกำลังอารักขารอบทำเนียบประธานาธิบดียาเดฟ และจับกุมผู้ประท้วงท่ีฝ่าฝืนคำสั่งห้ามการชุมนุมไปราว 40 คน

ทั้งนี้ นายประจันดา ประกาศลาออกเมื่อวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังนายยาเดฟ ระงับคำสั่งปลด พล.อ.คาตาวัล โดยอ้างว่าเพื่อรักษาประชาธิปไตยอันเตาะแตะและสันติภาพของประเทศไว้ เขายังกล่าวหานายยาเดฟ ละเมิดรัฐธรรมนูญ แต่งตั้ง พล.อ.คาตาวัล กลับเข้ามาเป็นผู้บัญชาการกองทัพโดยไม่ผ่านการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) และรัฐสภา และหลังจากเขาสั่งปลด พล.อ.คาตาวัล ระหว่างการประชุมฉุกเฉินของพรรคร่วมรัฐบาล ส่งผลให้ ส.ส.บางส่วนท่ีไม่เห็นด้วย "วอล์คเอาท์" ออกจากห้องประชุม ส่วนพรรคคอมมิสนิสต์แห่งเนปาลก็ถอนตัวจากรัฐบาลผสม

รายงานระบุว่า กบฏเหมาอิสต์ต่อสู้กับรัฐบาลนานกว่า 10 ปี ก่อนเข้าร่วมการเมืองกระแสหลักเมื่อปี 2549 และชนะการเลือกตั้งได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาลเมื่อปีท่ีแล้ว ส่งผลให้มีการยุบเลิกระบอบกษัตริย์อันยาวนานหลายร้อยปี แต่นายประจันดา ต้องการให้ พล.อ.คาตาวัล นำเหล่านักรบเหมาอิสต์ราว 19,000 คนเข้าไปรวมกับกองทัพรัฐบาลแต่ พล.อ.คาตาวัล ไม่ยอมเพราะเห็นว่านักรบเหล่านี้ซึมซับลัทธิคอมมิวนิสต์ จนยากจะเปลี่ยนแปลง เขายังขัดขืนคำสั่งของนายประจันดา ท่ีให้กำจัดนายพล 8 คนและยุติการเกณฑ์ทหารใหม่ จนส่งผลให้ตัวเองถูกปลดดังกล่าว

ที่มา thairath.co.th