หนุ่มฮอตแดนโสม "เทอิ" อิน ไทยแลนด์

 

 

 

เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาแฟนๆ สาวกกิมจิก็ได้กรี๊ดกร๊าดกันอีกแล้ว เพราะผ่านปีใหม่ไปไม่กี่วันหนุ่มๆ แดนโสมก็รีบมาโฉบเมืองไทยกันตั้งแต่ต้นปี โดยมี่ 2 ศิลปิน เทอิ และ 6 หนุ่ม สแมชที่มาเป็นศิลปินเบอร์แรกๆ ของปีนี้ในงาน ''Siam Center & Siam Discovery The Spirit of Fun Concert 2009'' และผู้สื่อข่าวสยามดาราก็มีโอกาสได้เจอะเจอกับหนุ่ม ''เทอิ'' เจ้าของฉายาเจ้าชายเพลงบัลลาดกันในห้องสัมภาษณ์ ซึ่งหนุ่มคนนี้ก็ตอบคำถามอย่างเป็นกันเอง รวมถึงยังหยอดคำหวานๆ ให้แฟนๆ ชาวไทยได้ปลื้มกันยกใหญ่ ถ้าอย่างนั้นแล้วเราอย่ารอช้ารีบไปฟังเรื่องเล่าเก้าสิบจากการสัมภาษณ์ครั้งนี้กันเลยดีกว่า

 

''สวัสดีครับ ผมเทอิครับ ขอบคุณมากที่วันนี้ทุกคนมาร่วมสัมภาษณ์ในวันนี้'' (เทอิทักทายผู้สื่อข่าวที่มารอทำข่าวเป็นภาษาไทย)

 

Q : ตอนนี้กำลังทำงานอะไรอยู่บ้าง
ที่เกาหลีตอนนี้ผมมีผลงานเพลงออกมาแล้วทั้งหมด 5 อัลบั้ม ส่วนใหญ่เป็นแนวเพลงบัลลาด เวลาอยู่เกาหลีคนมักจะเห็นผมในรูปแบบนักร้อง แต่ว่าที่เมืองไทยคนจะเห็นผมในรายการวาไรตี้โชว์ อย่างรายการ X-Man มากกว่าครับ

Q : และผลงานอื่นนอกจากเพลงล่ะ
นอกจากงานร้องเพลงแล้ว ผมก็มีโอกาสได้ทำงานเป็นดีเจในคลื่นวิทยุมาประมาณ 1 ปีแล้ว นอกจากนี้ก็ยังมีงานโชว์ตัวตามรายการวาไรตี้ต่างๆ อย่างรายการ X-Man ที่ทุกคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีครับ ความฝันอีกอย่างนึงคือการเป็นดีเจครับ และมีโอกาสได้ทำแล้ว ช่วงนี้ก็มีข้อเสนอในเรื่องเกี่ยวกับการแสดงเข้ามาเยอะเหมือนกัน ก็กำลังพิจารณาอยู่ และกำลังกังวลอยู่ด้วยว่าจะทำได้ดีหรือเปล่า

Q : แล้วอย่างนี้จะหันไปเอาดีทางด้านการเป็นดีเจเหรือการแสดงเลยหรือเปล่า
ผมเป็นนักร้องครับ งานที่ชอบที่สุดก็คือการร้องเพลง เวลาที่ร้องเพลงแล้วมีความสุขที่สุดเลย ความฝันอีกอย่างนึงของผมก็คือการเป็นดีเจ นักจัดรายการวิทยุ ดังนั้นเลยเป็นงานอีกอย่างที่ผมชอบเหมือนกัน เป็นงานที่มีความสุขเช่นเดียวกันครับ

Q : เห็นแต่ร้องเพลงบัลลาดไม่อยากเปลี่ยนแนวเพลงบ้างหรือ
แนวเพลงที่ชอบร้องที่สุดก็คือแนวบัลลาดครับ เพราะรู้สึกว่าเพลงบัลลาดเหมาะกับผมมากที่สุด แต่ว่าตอนอยู่ม.ปลาย เคยมีโอกาสได้อยู่ในวงดนตรีร็อกที่เล่นกันเองกับเพื่อนๆ ก็เลยรู้ว่าไม่ใช่แค่เพลงบัลลาดอย่างเดียวที่ชอบ แต่มีหลายๆ แนวที่ชอบด้วย แนวอิเล็กทรอนิกส์ก็ชอบครับ

Q : พูดถึงอัลบั้ม The Note ที่กำลังจะออกวางให้แฟนๆ ชาวไทยได้ฟังเป็นอย่างไรบ้าง
เป็นเพลงที่มีคอนเซปต์เหมือนกับสมุดโน้ตของผม ที่เขียนถึงเรื่องราวประสบการณ์ของผม ไม่ว่าจะเป็น รูปภาพ เรื่องราวต่างๆ เนื้อหาที่อยู่ในเพลง และในอัลบั้มนี้ผมได้มีโอกาสแต่งเนื้อเองด้วย เป็นเนื้อเพลงที่มาจากประสบการณ์ชีวิตของผมครับ

Q : เพลงไหนในอัลบั้มที่คิดว่าตรงกับบุคลิกของ เทอิ มากที่สุด
น่าจะเป็นเพลงที่ชื่อว่าตี 3 (3 A.M.) ครับ คิดว่าเพลงนี้เหมาะและตรงกับแคแรกเตอร์ของผม แล้วความหมายของเพลงก็จะเศร้าๆ นิดนึงก็คิดว่าเพลงนี้น่าจะตรงมากที่สุดครับ

Q : แล้วตอนนี้มีดูๆ ใจสาวๆ บ้างหรือเปล่า
ยังไม่มีครับ ตอนนี้ผมให้ความสัมพันธ์กับงานพลงเป็นหลัก ตอนนี้ยังไม่ค่อยเจอคนที่ถูกใจเลยครับ เลยยังไม่ได้มีโอกาสพูดอะไร แต่ว่าถ้าเจอ ผมเป็นคนตรงๆ เปิดเผย ก็คงเข้าไปบอกว่าผมรู้สึกยังไง แต่ไม่ถึงขนาดรุกหนักจนทำให้ผู้หญิงคนนั้นต้องรู้สึกอึดอัดใจครับ

Q : อย่างนี้มีมุมมองความรักเป็นอย่างไร
เมื่อก่อนผมเชื่อว่าความรักคือการไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน แต่พอมาคิดดีๆ อีกทีก็คงไม่ใช่แค่นั้น สรุปแล้วก็คิดว่าความรักก็เป็นเหมือนกับปาฏิหาริย์ครับ

Q : อย่างนี้สาวๆ ในสเปกของ ''เทอิ'' ต้องเป็นอย่างไร
เมื่อก่อนมีเคยสเป็ก แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ผู้หญิงแต่ละคนก็มีเสน่ห์และสไตล์ในแบบตัวเอง แต่ถ้าพูดถึงนิสัยอยากได้คนที่นิสัยคล้ายๆ กับผม คนมีความคิดคล้ายๆ กันจะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน ชอบคนที่ร่าเริง มีจิตใจที่ร่าเริง ไม่เศร้าครับ

Q : หลายคนเล่าว่า ''เทอิ'' เป็นหนุ่มขี้อาย ถ้าได้ร่วมงานกับผู้หญิงที่ชื่นชอบจะทำยังไง
จริงๆ แล้วผมไม่ใช่คนขี้อายนะ ความขี้อายเป็นคอนเซปต์ต่างหาก (หัวเราะ) อย่างที่บอกว่าผมเป็นคนตรงๆ เปิดเผย ถ้าเจอคนที่ถูกใจก็คงเข้าไปบอกเขาตรงๆ ครับ

Q : ได้เจอกับแฟนๆ ชาวไทยรู้สึกยังไงบ้าง
ตอนแรกคิดว่าพอมาถึงสนามบินแล้วจะไม่เจอใครเลย แต่พอมาถึงก็เห็นแฟนๆ ถือป้ายที่เขียนชื่อ คำทักทายเป็นภาษาเกาหลีก็รู้สึกดีใจมากเลย แล้ววันนี้ตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าตอนไปสัมภาษณ์มาแฟนๆ ก็คอยตามมาให้กำลังใจตลอดเวลา ก็รู้สึกดีใจมากครับ

Q : อย่างนี้มีโอกาสที่จะได้กลับมาเมืองไทยอีกไหม
เดี๋ยวต้องดูผลจากโชว์เคสก่อนครับ ถ้าประสบความสำเร็จก็จะกลับมาบ่อยๆ แต่ถึงแม้ว่าจะไม่ประสบความสำเร็จยังไง ผมก็จะกลับมาเที่ยวบ่อยๆ อยู่แล้วครับ เพราะผมชอบเมืองไทยมากครับ

Q : สุดท้ายนี้อยากฝากอะไรถึงแฟนๆ ชาวไทย
ฝากขอบคุณแฟนๆ ที่ติดตามผลงานของผมครับ แล้วก็ขอบคุณนักข่าวทุกๆ ท่านที่วันนี้มาร่วมงาน แล้วก็หวังว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยและเกาหลีจะมีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและทางด้านอื่นๆ อีกต่อไปมากยิ่งขึ้น แล้วที่เกาหลีเองก็หวังว่าจะมีโอกาสให้รับการต้อนรับศิลปินไทย รวมทั้งที่เมืองไทยก็หวังว่าจะได้มีการต้อนรับศิลปินเกาหลีมากขึ้นอีกครับ

 ที่มา siamdara.com